News





“ทรัมป์-โมดี” หารือประเด็นการค้า ผู้อพยพเข้าประเทศ ความสัมพันธ์ทางยุทธศาสตร์



   ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี แห่งอินเดีย ที่เยือนกรุงวอชิงตันอย่างเป็นทางการในวันพฤหัสบดี เพื่อร่วมหารือหลายประเด็นระหว่างสองประเทศที่ทำเนียบขาว ผู้นำอินเดียเข้าพบประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในห้องทำงาน Oval Office ในช่วงบ่าย โดยก่อนหน้านี้ โมดีสรรเสริญทรัมป์ในเรื่องต่าง ๆ ท่ามกลางการใช้นโยบายภาษีของรัฐบาลทรัมป์กับหลายประเทศ ตั้งแต่เริ่มเข้าบริหารประเทศสมัยที่สอง ในวันพฤหัสบดี ประธานาธิบดีทรัมป์ เรียกนายกรัฐมนตรีโมดีว่า เป็น "เพื่อนที่ดีเยี่ยม" โดยก่อนหน้านั้นไม่กี่ชั่วโมงผู้นำสหรัฐฯ เพิ่งลงนามขึ้นภาษีในระดับเท่า ๆ กันกับการเก็บภาษีของประเทศคู่ค้าที่มีต่อสินค้าอเมริกัน ซึ่งมีอินเดียรวมอยู่ด้วย "เรามีความเป็นมิตรที่ยอดเยี่ยม ทั้งเขาและผม และประเทศของพวกเรา และผมคิดว่ามันจะยิ่งใกล้ชิดกันมากขึ้น" ทรัมป์กล่าว โมดีซึ่งมีเเนวคิดชาตินิยม ได้เเสดงท่าทีเป็นมิตรต่อทรัมป์ ตั้งเเต่การเป็นประธานาธิบดีสมัยเเรกของทรัมป์ และยังส่งเสียงสนับสนุนให้ทรัมป์ได้กลับมาครองทำเนียบขาวเป็นสมัยที่สอง ทั้งนี้นายกฯ อินเดีย พยายามจะพัฒนาความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ และโลกตะวันตกโดยรวม หลังจากที่เขาปฏิเสธที่จะประณามรัสเซียเรื่องการทำสงครามกับยูเครน เจ้าหน้าที่รัฐบาลอินเดียเชื่อว่า การเยือนสหรัฐฯ ของนายกฯ โมดีจะนำมาซึ่งความเป็นพันธมิตรที่เป็นปึกแผ่นและเหนียวแน่นยิ่งกว่าเคย แม้นักวิเคราะห์ติงว่า ยังมีประเด็นถกเถียงมากมายในเรื่องการค้าและผู้อพยพเข้าเมืองที่ผู้นำของสองประเทศต้องหาทางออกให้ได้อยู่ ในเรื่องของการค้าซึ่งเป็นหนึ่งในสองวาระที่ทรัมป์ให้ความสำคัญในลำดับต้น ๆ นั้น รัฐบาลนิวเดลีได้เริ่มแสดงให้เห็นถึงความพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาความกังวลของผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งเคยเรียกอินเดียว่าเป็น หนึ่งในประเทศที่ “หาประโยชน์อย่างไม่เป็นธรรมจากมาตรการภาษี” เควิน แฮสเซตต์ ผู้อำนวยการของสภาเศรษฐกิจแห่งชาติประจำทำเนียบขาว ออกมาย้ำประเด็นความกังวลนี้ระหว่างการให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ CNBC เมื่อวันจันทร์ว่า “อินเดียตั้งกำแพงภาษีขนาดมหึมา” ที่ปิดกันการนำเข้าต่าง ๆ เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา นิวเดลีเพิ่งประกาศว่า จะลดภาษีนำเข้าบางรายการเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการส่งออกของผู้ประกอบการอเมริกัน เช่น รถมอเตอร์ไซค์และรถยนต์หรู ขณะที่ นักวิเคราะห์ประเมินว่า อินเดียอาจเสนอสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมอื่น ๆ เพื่อช่วยให้สินค้าอเมริกันรุกเข้าตลาดในประเทศได้มากขึ้น และอาจเพิ่มการนำเข้าพลังงานจากสหรัฐฯ ด้วย ทั้งนี้ สหรัฐฯ เป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของอินเดีย โดยมีตัวเลขการค้าระหว่างกันที่ 118,000 ล้านดอลลาร์ และในปี 2023 อินเดียได้ดุลการค้าสหรัฐฯ 32,000 ล้านดอลลาร์ จนถึงบัดนี้ อินเดียยังไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีของรัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯ และคำสั่งล่าสุดของทรัมป์ที่สั่งเก็บภาษีนำเข้าอัตรา 25% สำหรับสินค้าเหล็กและอะลูมิเนียมก็น่าจะมีผลกระทบไม่มากต่ออินเดียที่เป็นผู้ส่งออกเหล็กรายเล็ก อ้างอิงข้อมูลจากเจ้าหน้าที่รัฐบาลนิวเดลี นอกจากประเด็นที่ว่ามาแล้ว การเสริมสร้างความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงและการทหารกับสหรัฐฯ เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่เจ้าหน้าที่อินเดียเปิดเผยว่า จะมีการหารือกันที่ทำเนียบขาว และนักวิเคราะห์เชื่อว่า อินเดียน่าจะเสนอสั่งซื้อระบบอาวุธและเทคโนโลยีต่าง ๆ เพิ่มจากสหรัฐฯ ด้วย อินเดียเป็นประเทศที่มีงบประมาณด้านการจัดซื้อยุทโธปกรณ์รายใหญ่ที่สุดของโลก และมีความต้องการระบบอาวุธต่าง ๆ เพื่อปรับปรุงพัฒนากองทัพ และกระจายความเสี่ยงของแหล่งที่มาของอาวุธ จากที่เคยสั่งซื้อจากรัสเซียเป็นหลัก ก็ขยายมาซื้อจากฝรั่งเศส อิสราเอลและสหรัฐฯ ในแถลงการณ์ที่เผยแพร่ออกมาก่อนจะเดินทางกรุงนิวเดลี นายกฯ โมดีเรียกการเข้าร่วมประชุมกับทรัมป์ในครั้งนี้ว่าเป็นโอกาสที่จะต่อยอดความสำเร็จของความร่วมมือกับรัฐบาลทรัมป์ในสมัยแรก นักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่า ประเด็นความกังวลเกี่ยวกับท่าทีรุกรานของจีนที่สหรัฐฯ และอินเดียต่างกังวลน่าจะทำให้ทั้งสองประเทศทำงานร่วมกันได้ต่อไปด้วย ที่มา: เอพี, วีโอเอ  
แหล่งข่าวจาก